รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
ฉันแค่บันทึกราวกับว่าเป็นไดอารี่ และเพราะเมื่อคืน เรามีการประชุม กับราชาหลายองค์ ตามที่ฉันบอกไป รวมถึงยังมี ข้อความบางอย่างจากปรมาจารย์ ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสูงสุด และบางอย่าง จากพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด เหนือผู้ยิ่งใหญ่ทั้งปวง และฉันไม่สามารถบันทึกทั้งหมดได้ เพราะถ้าฉันเปิดไฟ แม้แต่แค่ไฟฉายจากโทรศัพท์ ฉันก็จะรู้สึก ไม่มีสมาธิอีกต่อไป และการที่จู่ ๆ ตื่นขึ้นมา แล้วกลับมาทำสมาธิ ในความมืดอีกครั้ง มันก็ไม่ได้รู้สึกสงบเท่าไรนักฉันพยายามจดพระยศ ของราชาบางพระองค์ไว้ ตามที่ฉันอ่านให้คุณฟัง แต่หลังจากนั้นก็ยาก ที่จะจดจำพระนามและพระยศ ของทุกพระองค์ได้ทั้งหมด และก็ยากที่จะมีเวลา เขียนบทสนทนา และเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งหมด ที่เกิดขึ้น ในการประชุมลงไป บางอย่างฉันก็ไม่สามารถบอกได้ ถึงแม้ฉันจะบอกคุณได้ก็ตาม มันเป็นเรื่องยาก ที่จะเขียนชื่อทั้งหมดลงไป มันกระพริบขึ้นมาเร็วมาก เหมือนกับเวลาที่คุณ จัดการประชุม แล้วคุณแนะนำชื่อผู้เข้าร่วม โดยที่คุณไม่ต้องรอ ให้ทุกคนจดลงไป คุณแค่อ่านรายชื่อนั้น แล้วฉันก็ไม่มีจิตใจ ที่จะจดจำทั้งหมดนั้น ฉันเลยคิดว่า “โอ้ ทำไมฉันไม่พูด ใส่โทรศัพท์ล่ะ?” นั่นคือวิธีที่ฉันทำอยู่ตอนนี้ คือ บันทึกเสียงไปเรื่อย ๆ และฉันกำลังบันทึก ด้วยเครื่องบันทึกในมือของฉัน ภายในกระโจมของฉัน คุณรู้ไหมว่าทำไมฉันเรียกแบบนั้น เพราะมันมีรูปร่างเป็นกระโจม ข้างนอกมีคนขายเต็นท์ แบบกระโจมเยอะมาก คุณหาได้ง่ายมากในปัจจุบันไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็น ข่าวฟลายอิน หรืออะไรเลย มีวัตถุประสงค์แค่พูด เพื่อระลึกว่าเกิดอะไรขึ้น หรือมีการพูดคุยอะไร ในงานประชุม แต่ตอนหลังฉันบันทึกเรื่องนี้ไว้แล้ว บางส่วนก็หายไปเช่นกัน ฉันไม่สามารถประชุม และบันทึกในเวลาเดียวกันได้ ฉันแค่บันทึกในภายหลัง และเมื่อมันสั้น มันก็จำได้ง่ายกว่า ถ้ามันยาวเกินไป และมีชื่อต่างกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ถ้าฉันจำทั้งหมดได้ ฉันจะบอกคุณภายหลังฉันเพิ่งอ่านบางส่วนให้คุณรู้ว่า คุณไม่ได้อยู่คนเดียว บนโลกใบนี้ มีโลกต่าง ๆ ซ่อนอยู่ทั้งภายใน และภายนอกโลกของเรา และแต่ละโลก ก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง เช่น โลกแห่งการต่อสู้ ที่เราเพิ่งชนะมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเขาแค่กำลังต่อสู้กัน เป็นตัวตนที่ชอบต่อสู้มาก หรือฉันแค่อ่านให้คุณฟัง อันหนึ่งคือสันติภาพ...อะไรนะ? สันติ...ฉันขอไปดูก่อน เผ่าพันธุ์สันติภาพ โลกที่ผู้คนมีความรัก โลกที่ผู้คนมีสันติภาพ โลกที่ผู้คนมีมิตรภาพ โลกที่ผู้อาศัยมีความรัก โลกแห่งจิตใจดี เป็นต้น คนเหล่านี้มีลักษณะนิสัย ตามชื่อเรียกของพวกเขา ถ้าคุณอ่านสมญานามของพวกเขา คุณก็รู้แล้ว ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร พวกเขาเป็นคนที่มีมิตรภาพ ในโลกนั้น มีแต่มิตรภาพ ความเป็นมิตรคนที่ชอบขับรถ พวกเขาชอบขับรถ และยังช่วยเหลือผู้คน ถ้าพวกเขา ขับรถมืออาชีพ หรือแข่งรถ หรือ ต้องการขับรถอย่างปลอดภัยอีกด้วย พวกเขาช่วยได้ ถ้าผู้ขับขี่เหล่านั้น มีคุณธรรมเพียงพอ ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะมีอำนาจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถ ให้พรแก่ใครก็ได้เสมอไป เพราะบางคนไม่คู่ควร กับความสนใจของพวกเขา หรือพวกเขาอยู่ห่างไกลจาก คุณธรรมและจุดมุ่งหมายมากเกินไป หรือขับรถโดยไม่ปฏิบัติตาม กฎของผู้ขับขี่ ขับรถโดยประมาท ไม่เคารพกฎการขับขี่ บนท้องถนน ทำให้เกิดความตาย และ ปัญหาและอื่น ๆ ทั้งหมด คนขับรถพวกนี้ไม่สามารถช่วยได้ แม้ว่าพวกเขาจะอยากช่วยก็ตาม เราต้องเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามหลักการด้วย เพื่อที่จะได้รับพร เพราะถ้าคุณไม่ได้อยู่ ในความถี่เดียวกัน ระดับเดียวกัน คุณก็ไม่สามารถรับมันได้ คุณสามารถอธิษฐานได้มากมาย แต่คุณจะไม่ได้อะไรเลยและเราไม่จริงใจ ในการอธิษฐาน และถ้าคุณทำสิ่งที่ขัดต่อผู้อื่น ที่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น ก็เท่ากับคุณปิดกั้นตัวเอง หรือเสมือนว่าคุณ กำลังสร้างกำแพงล้อมรอบตัวเอง ทำให้พระพรผ่านเข้าไปไม่ได้ มันเป็นแค่วิธีพูด ไม่ได้เป็นกำแพงแต่อย่างใด เหมือนกับว่า คุณสวมเสื้อกันฝน แล้วออกไปตากฝน ไม่ว่าฝนจะตกหนักแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรจะตกลงมาใส่คุณได้ เหมือนเวลาคุณเห็นนักดำน้ำ พวกเขาสวมชุดคล้ายกบ น้ำไม่สามารถ เข้าถึงผิวหนังได้เลย และนักบินอวกาศ หากพวกเขาออกไป ตรวจสอบเครื่องมือ หรือสถานีอวกาศของพวกเขา หรือซ่อมแซมเครื่องมือ พวกเขาจะต้อง สวมชุดที่รัดรูปมาก หากไม่เป็นเช่นนั้นพวกเขา อาจจะระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หากออกสู่ชั้นบรรยากาศภายนอก มันเป็นความกดดันที่แตกต่างกัน ก็เหมือนกับนักดำน้ำ ลงมหาสมุทรเช่นกัน ยิ่งลึกก็ยิ่งมีความกดดันมากขึ้น พวกเขาจึงต้องดูแลตัวเอง และสวมใส่ เครื่องมือที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถ อยู่รอดในมหาสมุทรได้ นั่นเป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้คุณเข้าใจ ว่ามันเป็นอย่างไรดังนั้นในโลกแห่ง กายภาพนี้ เราต้องมีร่างกาย เพื่อความอยู่รอด แต่เพราะโลกกายภาพนี้ ทำให้เราแยกจากกันมาก ตัวอย่างเช่น จากกันและกัน จากความศักดิ์สิทธิ์ จากพลัง แห่งจักรวาล เว้นแต่ว่าเราจะ เรียนรู้อย่างดีว่าจะติดต่อ กับพลังจักรวาลได้อย่างไร จะเจาะลึกได้อย่างไร จะมีพลังมากขึ้นได้อย่างไร แม้แต่กับร่างกายกายภาพก็ตาม แต่แน่นอนว่ามันมีจำกัดมากกว่าถ้าหากว่าพระเยซูคริสต์ พระบุตร ของพระเจ้า ไม่ต้องสวม เครื่องมืออันเกะกะ ที่เราเรียกว่าร่างกาย พระองค์ก็คงไม่ต้องถูก จำกัดให้ต้องตายตั้งแต่ยังเยาว์วัย และเร็วขนาดนั้น ท่านเป็นผู้ทรงพลังที่สุด แต่กรรมของโลกนี้ พลังงานที่ถูกสร้างขึ้น โดยมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ทำให้คนส่วนใหญ่ ไม่สามารถติดต่อกับพลัง ศักดิ์สิทธิ์ของตนได้ และเนื่องจากองค์พระเยซู เสด็จลงมาและทรงขัดขวาง ความบ้าคลั่งของมิติทางกายภาพนี้ พระองค์จึงต้องทนทุกข์ทรมาน เช่นเดียวกับอาจารย์ ท่านอื่น ๆ อีกหลายท่าน นั่นเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากเพราะเหตุนี้สิ่งมีชีวิตในโลกนี้ จึงต้องหมุนเวียนตัวเองกลับมาใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะเมื่อพวกเขาออกจากร่างกาย แล้ว สิ่งใดก็ตามที่พวกเขาทำ หรือสิ่งใดก็ตามที่ พวกเขาพูด จะถูกบันทึกไว้ ในหนังสืออากาชิกทั้งหมด แต่ละคนก็มีหนังสือคนละเล่ม สำหรับตัวเอง ไม่มีการปฏิเสธหรือ ปฏิเสธอะไรก็ตามที่ผู้พิพากษาจะพูด เพราะพวกเขามีหลักฐานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ หนังสือหรือภาพยนตร์ก็ตาม คุณสามารถรับชมภาพยนตร์ได้ มันจะวิ่งเร็วมาก คุณสามารถอ่านมันได้เร็วมาก แต่ทุกอย่างก็ชัดเจน ราวกับว่าฉันกำลังคุย กับคุณด้วยความเร็วปกติตอนนี้ ดังนั้นหากใครคิดว่าตนเอง ทำสิ่งเลวร้ายอย่างเงียบ ๆ ในยามราตรีหรือ อย่างเป็นความลับ โดยไม่มีใครรู้ ก็ถือว่าคิดผิดแล้ว ทุกสิ่งที่คุณทำได้ถูกบันทึกไว้ และโดยอัตโนมัติ ด้วยกฎและพลัง ของจักรวาล โดยเฉพาะ ในมิติที่ต่ำกว่า ห้องสมุดที่บันทึกไว้นี้ เรียกว่าห้องสมุดอาคาชิก และสิ่งต่าง ๆ ที่บันทึกไว้ในนั้น เรียกว่า บันทึกอาคาชิก หรือห้องสมุด มีหนังสือห้องสมุดหรือวีดิโอ มันคล้าย ๆ อย่างนั้นฉะนั้น ไม่ว่าเราจะทำอะไร ไม่ว่าเราจะคิด อย่างไร ไม่ว่าเราจะพูดอะไรก็ตาม จะดีกว่าถ้าเก็บเป็นความลับและเป็นคนดี เสมือนว่าคุณสามารถแสดง ให้คนทั้งโลกเห็นได้ โดยไม่รู้สึก สำนึกผิดหรืออับอาย เพราะทุกอย่าง เป็นสิ่งที่ดีและมีคุณธรรม แล้วเมื่อถึงเวลาตาย คุณก็จะไปสวรรค์ แม้ว่าคุณจะไม่มีอาจารย์ก็ตาม แต่คุณมีคุณธรรมและ เที่ยงธรรมมาก สวรรค์จะรู้ พระเจ้าจะรู้ และแล้วคุณจะขึ้นสวรรค์ได้ ไม่ว่าจะต่ำกว่าหรือสูงกว่าก็ตาม ตาม ผลบุญทางจิตวิญญาณของคุณเช่นกัน ไม่ว่าคุณจะเชื่อในพระเจ้า หรือมีอาจารย์คอยช่วยคุณก็ตามถ้าคุณทำความชั่ว แม้ไม่มีใครรู้ในโลกนี้ แต่ทั้งจักรวาลรู้ นรกรู้ สวรรค์รู้ เพราะงั้นถ้าคุณทำเรื่อง เลวร้ายกับผู้อื่นโดยที่ ไม่มีพยานแม้แต่คนเดียว คุณจะต้องลงนรกทันที แม้ไม่มีพยานวัตถุ แต่ทุกคนก็รู้ใน โลกที่มองไม่เห็น และคุณก็รู้ว่านั่นคือประเด็น คุณรู้ทุกอย่างที่ คุณทำไปแล้วหรือกำลังทำ จิตใต้สำนึกก็จะ บันทึกทุกอย่างไว้ และคุณก็รู้ว่าคุณ จะต้องลงนรก หรือคุณจะขึ้นสวรรค์ คุณจะรู้ว่าทำไมบางทีสิ่งที่กายภาพอาจไม่รู้ หรือไม่รู้สึกเหมือนรู้ แต่จิตใต้สำนึก จิตสำนึก จิตวิญญาณ และ จิตใจของคุณรู้ทุกอย่าง แล้วคุณจะเป็นคนตัดสินใจเอง ว่าจะไปที่ไหน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผู้คนถึงลงนรก ไปเฉย ๆ ไม่มีความจำเป็นที่ ใครจะลากพวกเขาไปที่นั่นด้วยซ้ำ พวกเขาลากตัวเองไปที่นั่น เพื่อชำระล้างขยะ ทั้งปวงของการกระทำ ความคิด และคำพูด ที่ผิดศีลธรรมใน ชีวิตทางกายของตน ดังนั้นจงตระหนัก ระวังการกระทำ คำพูด และการคิดของคุณเป็นการดีกว่าที่จะมุ่งเน้น จิตและหัวใจทั้งหมดไป ที่พระเจ้าอยู่เสมอ จงมุ่งความคิดทั้งหมดของคุณ ความใส่ใจอันบริสุทธิ์ ของคุณมอบให้กับพระเจ้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ และสำนึกผิด หากคุณรู้ว่าคุณทำสิ่งชั่ว คุณก็รู้สึกสำนึกผิด ถ้าคุณไม่รู้ก็ คุณก็ยังสำนึกผิด จงกล่าวกับพระเจ้าว่า "ฉันอาจ ไม่รู้ว่าฉันได้ทำผิดอะไร แต่ถ้าฉัน ได้ทำผิด ฉันสำนึกผิดทั้งหมด" โปรดอภัย ฉันจะพยายามดำเนินชีวิต ตามพระบัญญัติของพระองค์” ซึ่งก็มีอยู่เพียงสิบ หรือห้าข้อเท่านั้น มันไม่ได้มากมายอะไร แค่เป็น คนดีมีคุณธรรมก็พอแล้ว มันไม่มากจริง ๆอะไรก็ตามที่ไม่ถูกต้องและไร้มนุษยธรรม คุณจะต้องหลีกเลี่ยง สิ่งดี ๆ ใด ๆ ที่ คุณปรารถนาจะทำกับ ตนเอง ทุก ๆ สิ่งที่ ทำให้คุณมีความสุข มีความบริสุทธิ์ของหัวใจ จิตใจแจ่มใส จิตวิญญาณ บริสุทธิ์ เป็นที่ พอพระทัยพระเจ้าและสวรรค์ คุณก็ทำ อะไรก็ตามที่ตรงข้ามกับ สิ่งเหล่านั้น อย่าทำมัน แล้วคุณก็จะกลับบ้าน หรือแม้ว่าคุณไม่อยาก กลับบ้าน คุณก็จะไปสู่ สวรรค์ที่สูงกว่า เพลิดเพลิน ไปกับความสุข ความยินดี และทุกสิ่งที่คุณต้องการ คุณอาจจะไม่เคยต้องการ สิ่งใดอยู่ที่นั่นเลย แต่ถ้าคุณมี คุณก็จะมีมัน แทนที่จะต้องลงนรก ถูกเผา และถูกทรมาน และต้อง ทนทุกข์ทรมานตลอดไปในนั้นคุณคงตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงมีราชา เพียง 92 พระองค์ จาก 92 โลกเท่านั้น ที่เข้าร่วมกระบวนการสันติภาพ กองกำลังสันติภาพ มันเป็นเพราะราชาองค์อื่น ไม่จำเป็นต้องทำ พวกเขาทำงานอย่างอื่น ราชาเหล่านี้ และประชาชนเหล่านี้ พวกเขากำลังอาศัย ในโลกของตนเอง และพวกเขาก็มีหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับความสุข และความสงบ ในบริเวณโดยรอบของพวกเขาอย่างที่ฉันบอกคุณว่า เหมือนกับ เราอาศัยอยู่ในโลกนี้ และมีโลก อีกมากมายรวมอยู่กับโลกของเราและ ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลุดลอยไป ในทิศทางของโลกใดก็ตาม เราก็ได้ไปมีส่วนร่วมในกิจกรรม และผลที่ตามมาของโลกนั้น ทุกครั้งที่คุณก้าวพลาด คุณจะไปสู่โลกนรก หรือโลกปีศาจ ถ้าคุณมีความคิดคล้ายกับ ความคิดของพวกเขา มีการกระทำ คล้ายกับการกระทำของพวกเขา มีวิถีชีวิตคล้ายกับวิถีชีวิตของพวกเขา ก็แสดงว่าคุณอยู่ในนั้นในโลกแห่งกายภาพ บางทีคุณอาจไม่เห็นมันทันที บางครั้งคุณจะเห็นมันทันที แต่หลายครั้งก็ไม่ ขึ้นอยู่กับสถานะกรรมของคุณ ในขณะนั้น ถ้าคุณมีช่วงกรรมดี ในชีวิตเช่นนี้ สิ่งไม่ดีที่คุณทำ ก็จะไม่ส่งผลต่อคุณทันที เพราะคุณกำลังอยู่ ในช่วงกรรมดี กรรมก็จะไหล ไปตามชีวิตของคุณ เพราะฉะนั้น บางครั้ง คุณอาจจะโชคดี บางครั้ง คุณอาจจะสูญเสียธุรกิจไป เพราะการไหลของกรรม ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในเวลานั้น คุณก็จะได้รับผลกรรมนั้น หรือได้รับผลกรรมอื่น ฉะนั้น ถ้ามีคุณธรรมอยู่เสมอ สะสมบุญอยู่เสมอ คุณก็จะไม่มีปัญหาใด ๆ มันดีกว่า ถ้าคุณไม่ทำ สิ่งเลวร้ายใด ๆ แล้วผลก็จะไม่ย้อนกลับ มาหาคุณ ไอน์สไตน์กล่าวว่า ถ้าคุณอยู่ที่แห่งหนึ่ง แล้วโยนบางสิ่งบางอย่าง ออกไปให้ไกล ถ้าคุณยังคงอยู่ที่แห่งนั้นต่อไป ไม่ว่าคุณ จะโยนสิ่งใดออกไป สิ่งนั้นจะกลับมาหาคุณ นั่นคือวิธีอธิบายว่ากรรม หมายความว่าอย่างไร – คุณหว่านสิ่งใดคุณก็จะได้รับสิ่งนั้นฉะนั้น ถ้าคุณรักษาใจให้จดจ่อ อยู่กับพระเจ้า ความเป็นพระเจ้าเสมอ และเป็นคนดี มีคุณธรรม และบริสุทธิ์อยู่เสมอ ก็จะไม่มีสิ่งใด มาแตะต้องคุณได้จริง ๆ แม้ไม่มีอาจารย์ ทางจิตวิญญาณ คุณก็ไปสวรรค์ได้ แค่คุณต้องรอจนกว่าคุณจะตาย ในขณะที่ ถ้าคุณมีอาจารย์ ผู้รู้แจ้งที่ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ช่วยเปิดตาปัญญาของคุณ ปลดปล่อยจิตวิญญาณของคุณ ณ เวลาประทับจิต คุณก็จะสามารถเห็นสวรรค์ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ เหมือนที่นักบุญเปาโลกล่าวว่า "ฉันตายทุกวัน"ลูกศิษย์ของพระเจ้าหลายคน “ตายทุกวัน” เราทำแบบนั้น เรานั่งสมาธิแล้วเราก็ “ตาย” มันไม่เหมือนเราตายจริง ๆ เหมือนวันซาโยนาระครั้งสุดท้าย ของเราต่อโลกนี้ แต่คุณก็ “ตาย” เพราะคุณถูกแยกออกไป คุณยังคงเชื่อมโยง กับโลกนี้ แต่คุณ ถูกแยกออกจากการกระทำทั้งหลาย จากพฤติกรรมทั้งหลาย ของผู้คนในโลกนี้ และกิจกรรมทางโลกในชีวิตประจำวัน คุณจะไปอยู่ในสวรรค์ เหมือนกับว่าคุณตายไปแล้ว แล้วขึ้นสวรรค์ไป เหตุนี้เราจึงพูดว่าเรา “ตายทุกวัน”คุณจึงสามารถอยู่ในสองโลกได้ และบางครั้งโลกกายภาพ และโลกวิญญาณก็รวม เข้าด้วยกันเช่นกัน ฉะนั้นคุณจึงมองเห็นสิ่งต่าง ๆ หรือทำสิ่งต่าง ๆ บนสวรรค์ ในขณะที่ร่างกายของคุณยังคง ทำสิ่งต่าง ๆ มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในมิติทางกายภาพนี้ มันก็เกิดขึ้นเช่นกัน คุณสามารถสอบถาม ลูกศิษย์พระเจ้าของฉันได้ พวกเขารู้เรื่องนี้ มันก็เกิดขึ้นที่พวกเขาลืม พวกเขากลับมา และ พวกเขาก็ลืมสิ่งที่ พวกเขาได้เห็นในสวรรค์ หรือสวรรค์ไม่อยากให้เห็น เพราะมันดีเกินไป พวกเขาอาจต้องการ ขึ้นสวรรค์ทันที พวกเขาไม่อยากทำอะไร ในโลกนี้อีกต่อไป แต่พวกเขาต้องอยู่ เพื่อรับผลแห่งกรรม และพวกเขาต้องอยู่ต่อไป เพื่อสร้างพรให้โลก ช่วยให้สรรพชีวิตอื่นได้ รู้แจ้ง หรือช่วยเหลือพวกเขา ในเวลาที่พวกเขาต้องการ ทางจิตวิญญาณหรือทางกายคุณอาจถามฉันว่า เหตุใดราชา หรือเทพเจ้าองค์อื่นจึงไม่ร่วม กองกำลังสันติภาพด้วย-เพราะว่า พวกท่านมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ เช่นเดียวกับสังคมเรา เรามีทหารที่ทำหน้าที่ ปกป้องความปลอดภัยของประชาชน และเพื่อความสงบสุข และความปลอดภัยของชาติ พวกเขาจึงไม่สามารถเข้าร่วม ทีมแพทย์ได้ เนื่องจากพวกเขา ต้องยุ่งกับภารกิจอื่น ในจักรวาลนี้ก็เช่นกัน ราชาแต่ละองค์ มีหน้าที่ต่างกันไป เทพแต่ละองค์ ก็มีงานต่างกันและงานของอาจารย์ก็คือ ช่วยเหลือจิตวิญญาณที่สิ้นหวัง ที่ต้องการกลับบ้าน ดังนั้น หากคุณต้องการกลับบ้าน คุณต้องการพบพระเจ้า คุณต้องการ อยู่ห่างจากมิตินี้ คุณต้องจริงใจ และจดจ่อกับสิ่งนั้นจริง ๆ ไม่เช่นนั้น มันไม่ช่วยคุณเลย และแสงของคุณก็จะไม่ส่องสว่าง หูแห่งสวรรค์ของคุณจะไม่ได้ยิน เสียงดนตรี (แห่งสวรรค์) ระดับสูง (การสอนที่แท้จริง) เช่นกัน เป็นเพราะอย่างนี้ หัวใจคุณจึงตัดสินชะตากรรมของคุณ และศรัทธาของคุณ ตัดสินอนาคตบนสวรรค์ของคุณอย่างเช่น เหล่าเทพฝน ราชาฝน และผู้ใต้บังคับบัญชา และประชาชนของพระองค์ หน้าที่ของพวกท่าน คือสร้างฝน จัดเตรียมสภาพต่าง ๆ ให้ฝนตกลงมา ในพื้นที่หนึ่ง ๆ และโลกก็ใหญ่โต พวกท่านต้องจากที่หนึ่ง ไปอีกที่หนึ่งตลอด และเพื่อที่จะสร้างฝน ตัวอย่างเช่น พวกท่านต้องสร้างพลังงาน สร้างบรรยากาศ เพื่อให้น้ำระเหย และในบางสถานการณ์ และบางพื้นที่ ก็ปรากฏเป็นละอองฝน ซึ่งยังเกี่ยวข้องกับ ความร่วมมือกับเทพลม ยกตัวอย่าง เทพภูมิอากาศ และเทพน้ำ ราชาน้ำอีกด้วย ทั้งหมดนี้จะต้องสอดคล้องกัน อย่างสมบูรณ์ เวลาเดียวกัน ที่เดียวกัน ทิศทางเดียวกัน เป้าหมายเดียวกัน พวกท่านจึงไม่มีเวลา กับกองกำลังสันติภาพ ไม่ใช่เพราะพวกท่านไม่ต้องการ หรือเพราะพวกท่าน ต่อต้านกระบวนการสันติภาพ แต่พวกท่านเพียงมีหน้าที่อื่น ที่สำคัญเช่นกันอย่างเช่น เนื่องจากคน ต้องการฝนเพื่อปลูกผักและ เก็บเกี่ยวผลผลิต และยังช่วยทำให้บรรยากาศเย็นสบาย ทำให้อากาศที่เราหายใจเข้าไปเบาขึ้น ไม่ร้อนเกินไป ไม่แห้งเกินไป ฝุ่นไม่มากไป ต่อปอดของเรา มันสำคัญมาก ทุกท่านมีความสำคัญ ในจักรวาล เช่นเดียวกับ ทุกคนที่นี่บนโลก ที่มีความสำคัญมาก ประเทศชาติจำเป็นต้องมีตำรวจ มาดูแลความปลอดภัย ของประชาชนบนท้องถนน เราต้องการเกษตรกร เพื่อผลิตอาหาร และเราต้องการ คนขับรถบัส หรือนักบิน เพื่อขับเครื่องบิน ทำนองเดียวกัน ในจักรวาล ต่างคนต่างก็มีหน้าที่ ที่มองไม่เห็นอย่างหนึ่ง เฉพาะผู้รู้แจ้งเท่านั้น จึงจะรู้เรื่องดังกล่าว หรือบางทีพวกเขาอาจไม่สนใจที่จะรู้เมื่อคน ๆ หนึ่งรู้แจ้งแล้ว เขาจะสามารถทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่เขาไม่จำเป็นต้องรู้ ทุกสิ่งก็ได้ เขาอาจจะรู้หรืออาจไม่รู้ก็ได้ ถ้าพระเจ้าไม่ให้พวกเขารู้ พวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พวกเขาก็ยังคงทำสิ่งต่าง ๆ เช่น อวยพรสิ่งแวดล้อม ช่วยเหลือผู้อื่นทั้งแบบที่มองไม่เห็น และมองเห็นได้ เราทุกคนมีหน้าที่ในจักรวาล เพื่อให้ระบบทำงานได้ ชีวิตดำเนิน ต่อไปในระดับต่าง ๆ ของจิตสำนึกสิ่งที่ดีที่สุดคือการรู้แจ้ง แล้วคุณจะรู้ว่า ต้องทำอะไรในระดับจิตวิญญาณ แล้วคุณจะทำโดย ไม่ต้องทำอะไร คุณให้พรแก่ผู้คน โดยที่คุณไม่รู้ตัวเลย คุณสามารถรักษาคนได้โดยที่ คุณไม่ต้องสัมผัสพวกเขาเลย และคุณจะนำความสุขความยินดี มาให้ผู้อื่นโดยที่พวกเขา ไม่รู้ว่าทำไม และคุณเอง ก็ไม่รู้ว่าทำไมเช่นกัน ไม่ใช่เพราะคุณให้ของขวัญ หรืออะไรก็ตามแก่พวกเขา แต่เพราะพลังงานที่มองไม่เห็น ซึ่งเชื่อมโยง กับพลังจักรวาล ทำให้คุณทรงพลัง แต่คุณไม่จำเป็นต้องรู้ เพื่อที่อัตตาของคุณจะได้ ไม่เติบโตเร็วหรือใหญ่เกินไป และครอบงำคุณความดีทาง จิตวิญญาณที่คุณได้รับ หรือ การทำงานที่คุณต้องทำอย่าง มองไม่เห็นหรือมองเห็นได้ มันจะช่วยเหลือผู้อื่น และช่วยตัวคุณเองด้วยโอ มีเรื่องมากมาย ที่เราพูดถึงได้ แต่ฉันพูดสิ่งที่ฉันพูดได้ สิ่งที่พระเจ้าต้องการให้ฉันบอกคุณ ในกรอบของเวลาและสถานที่Photo Caption: ความงามไม่ได้อยู่ที่สีเพียงอย่างเดียว